เสริมหน้าอกกี่วันตัดไหม?
เสริมหน้าอกกี่วันตัดไหม? ปัจจัยและคำแนะนำเพื่อผลลัพธ์แผลสวยแห้งเร็ว
“ตัดไหมตรงเวลา ช่วยให้แผลหายสวย ลดรอยแผลเป็น และให้ผลลัพธ์หน้าอกเรียบเนียน”
หลังการเสริมหน้าอก หลายคนมีคำถามว่า “ตัดไหมกี่วัน?” ซึ่งคำตอบขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ตำแหน่งแผลผ่าตัด เทคนิคการเย็บแผลของศัลยแพทย์ และการดูแลตัวเอง แต่โดยทั่วไปแพทย์มักแนะนำให้ตัดไหมในช่วง 7–14 วันแรก เพื่อให้เนื้อเยื่อผิวหนังสมานตัวดี และป้องกันการติดเชื้อหรือพังผืดรัดแน่น บทความนี้จะอธิบายระยะเวลาตัดไหมหลังเสริมหน้าอก ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคำแนะนำการดูแลหลังตัดไหม เพื่อให้แผลสวยและหน้าอกสวยปลอดภัยในระยะยาว
การตัดไหมหลังเสริมหน้าอกคืออะไร?
การตัดไหม (Suture Removal) เป็นขั้นตอนสำคัญหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก ที่แพทย์จะดึงเอาไหมละลายไม่ได้ออก เพื่อให้แผลผ่าตัดสมานตัวดี ลดโอกาสติดเชื้อ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เมื่อแผลสมานตัวดีจนเย็บติดกัน แพทย์จะพิจารณาระยะเวลาที่เหมาะสมในการตัดไหมทั่วไปตามตำแหน่งดังนี้:
– แผลใต้รักแร้ (Axillary Incision): มักตัดไหมในวันที่ 7–10 หลังผ่าตัด
– แผลใต้ราวนม (Inframammary Incision): มักตัดไหมในวันที่ 10–14 หลังผ่าตัด
– แผลรอบปานนม (Periareolar Incision): มักตัดไหมในวันที่ 7–10 หลังผ่าตัด
ระยะเวลาตัดไหมโดยทั่วไป
โดยสรุปแล้ว ระยะเวลาตัดไหมหลังเสริมหน้าอกที่ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำ มีดังนี้:
-
วันแรกหลังผ่าตัด (Day 0): แพทย์จะเย็บปิดแผลด้วยไหมละลายไม่ได้ (Non-Absorbable Sutures) ตามแนวที่กำหนด
-
7–10 วันแรก: หากแผลมีตำแหน่งรอบปานนมหรือใต้รักแร้ แพทย์จะนัดตัดไหมในช่วงนี้ เนื่องจากผิวหนังเริ่มสมานตัว
-
10–14 วันแรก: หากแผลใต้ราวนม แพทย์มักจะรอให้แผลแห้งและเย็บติดกันดีจึงนัดตัดไหมในช่วงนี้
-
หากใช้ไหมละลายได้ (ในบางเคส): แพทย์อาจเลือกใช้ไหมละลาย (Absorbable Sutures) ทำให้ไม่ต้องตัดไหมด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องมาตรวจแผลตามนัดเพื่อประเมินว่าทุกอย่างสมานตัวดีหรือไม่
คำว่า “กี่วัน” อาจไม่เท่ากันในทุกเคส เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาตัดไหม
-
ตำแหน่งและเทคนิคการเย็บแผล
– แผลใต้รักแร้ (Axillary): เย็บด้วยเทคนิคที่แพทย์ต้องเลาะเนื้อเยื่อด้านนอกมากกว่า จึงมักตัดไหมใน 7–10 วันแรก
– แผลใต้ราวนม (Inframammary): เย็บในแนวนูนไปกับรอยพับใต้ราวนม แผลสมานตัวช้ากว่า จึงรอ 10–14 วัน
– แผลรอบปานนม (Periareolar): เย็บในแนวรอบปานนม แผลสมานได้เร็วกว่า จึงมักตัดไหมที่ 7–10 วัน -
คุณสมบัติไหมและวัสดุเย็บ
– ไหมละลายไม่ได้ (Non-Absorbable Sutures): ต้องนัดกลับมาตัดไหมเองตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ
– ไหมละลายได้ (Absorbable Sutures): แพทย์อาจใช้ในบางชั้น เนื้อเยื่อผิวหนัง แต่หากใช้ลึกกว่าผิว อาจไม่เห็นไหมจนกว่าจะละลายหมด
– Silimed Thailand แนะนำให้ใช้วัสดุเย็บคุณภาพดี ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นกว้างหรือกดทับซิลิโคนจนทำให้แผลหายช้า -
สภาพร่างกายและอายุของคนไข้
– สภาพผิวหนังและความยืดหยุ่น: คนไข้ที่อายุน้อย ผิวหนังยืดหยุ่นดี มักแผลสมานเร็วกว่า
– สุขภาพทั่วไป เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ -
การดูแลแผลก่อนตัดไหม
– ทำความสะอาดแผลตามคำแนะนำของแพทย์ทุกวัน ด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสบู่อ่อน
– หลีกเลี่ยงการโดนน้ำโดยตรงใน 24–48 ชั่วโมงแรก หลังนั้นสามารถอาบน้ำอุ่นเบาๆ ได้
– หลีกเลี่ยงอาหารและนิสัยที่กระตุ้นการอักเสบ เช่น อาหารมันจัด อาหารหมักดอง หรือสูบบุหรี่ ซึ่งทำให้แผลหายช้า -
ภาวะแทรกซ้อนของแผล
– หากแผลมีอาการอักเสบรุนแรง บวมแดง มีน้ำเหลืองหรือน้ำหนอง อาจต้องรอให้แก้ไขอาการก่อน จึงจะแนะนำระยะเวลาตัดไหมใหม่
– ภาวะพังผืดรัดแน่น (Capsular Contracture) อาจทำให้แผลหยุดสมานตัวชั่วคราว จึงเลื่อนระยะตัดไหมไปจนกว่าอาการบวมหรืออักเสบจะทุเลา
คำแนะนำก่อนตัดไหม
– ตรวจแผลอย่างสม่ำเสมอ: นัดแพทย์เพื่อตรวจแผลประมาณ 7–10 วันแรก เพื่อประเมินสภาพผิวหนังและดูว่าแผลพร้อมสำหรับตัดไหมหรือไม่
– หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวแรง: ระหว่าง 0–7 วันแรก หลังผ่าตัด ควรพักผ่อนมากๆ ห้ามเผลอยกแขนสูง หรือเคลื่อนไหวสะบักแรงๆ
– สวมซัพพอร์ตบรา: ใส่ซัพพอร์ตบรา (Sports Bra) จาก Silimed Thailand ตลอด 24 ชั่วโมงใน 1–2 สัปดาห์แรก ลดการเคลื่อนไหวของซิลิโคนและช่วยให้แผลสมานตัว
– รับประทานยาและอาหารบำรุงแผล: ทานยาแก้ปวด ลดบวม และอาหารโปรตีนสูง เช่น ปลา ไก่ เต้าหู้ ช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่
– หากมีอาการแทรกซ้อน ให้รีบปรึกษาแพทย์: เช่น แผลบวมนาน แดงร้อน มีน้ำเหลืองหรือน้ำหนอง รู้สึกปวดรุนแรงกว่าปกติ หรือมีไข้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
– “ตัดไหมกี่วันถ้าใช้แผลใต้รักแร้?”
โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้มาพบเพื่อดึงไหมใน วันที่ 7–10 หลังผ่าตัด เนื่องจากแผลสมานตัวเร็วกว่าใต้ราวนม
– “ตัดไหมกี่วันถ้าใช้แผลใต้ราวนม?”
ปกติจะนัดตัดไหมในช่วง วันที่ 10–14 หลังผ่าตัด เพราะแผลใต้ราวนมต้องรอให้เย็บติดแน่นก่อนจึงดึงไหมได้
– “ถ้าใช้ไหมละลายได้จะต้องตัดไหมไหม?”
หากแพทย์ใช้ไหมละลายได้ แม้จะไม่ต้องตัดไหมออกเอง แต่ยังต้องนัดตรวจแผลใน ช่วง 7–14 วันแรก เพื่อประเมินสภาพแผล และอาจมีไหมบางส่วนที่ต้องตัดหากไม่ได้ละลายหมด
– “ถ้าลืมตัดไหม จะเป็นอะไรไหม?”
หากลืมตัดไหมนานเกินไป (เกิน 2 สัปดาห์สำหรับแผลรอบปานนมหรือใต้รักแร้ และเกิน 3 สัปดาห์สำหรับแผลใต้ราวนม) อาจทำให้ไหมฝังในเนื้อเยื่อ ส่งผลให้แผลระคายเคืองหรืออักเสบ ควรติดต่อคลินิกทันทีเพื่อรับคำแนะนำ
– “ตัดไหมแล้วจะเห็นรอยแผลเป็นไหม?”
หลังตัดไหมแล้วแผลจะค่อยๆ เรียบเนียนขึ้น เมื่อดูแลตามคำแนะนำ เช่น ใช้ครีมลดรอยแผลเป็น และหลีกเลี่ยงแสงแดดแรง แผลจะจางลงและเกือบมองไม่เห็นใน 6–12 เดือน
สรุปการตัดไหมหลังเสริมหน้าอก
– โดยทั่วไปตัดไหมใน 7–10 วันแรก สำหรับแผลรอบปานนมหรือใต้รักแร้ และ 10–14 วันแรก สำหรับแผลใต้ราวนม
– ระยะเวลาขึ้นกับตำแหน่งแผล เทคนิคการเย็บ และการดูแลตัวเอง หากแผลอักเสบหรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์อาจเลื่อนวันนัดตัดไหมออกไปจนกว่าอาการจะทุเลา
– ตัดไหมตรงเวลาช่วยให้แผลฟื้นตัวเร็ว ลดการติดเชื้อ และให้หน้าอกสวยเรียบเนียนในระยะยาว
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดไหมหลังเสริมหน้าอก หรือต้องการคำปรึกษาเฉพาะบุคคล ติดต่อทีมงาน Silimed Thailand ได้ที่:
– เว็บไซต์: https://www.siliconesilimed.com/
– Facebook: SILIMED.Thailand
– Line Official Account: @silimedthailand
– โทรศัพท์: 064 587 6954
#ตัดไหมเสริมหน้าอก #ตัดไหมกี่วัน #SilimedThailand #เสริมหน้าอกปลอดภัย #พักฟื้นเสริมหน้าอก #SilimedSoftPlus #คำแนะนำหลังผ่าตัด #ดูแลแผลผ่าตัด #ศัลยกรรมหน้าอก
Author Profile

Latest entries
รวมบทความOctober 13, 2025พังผืดหน้าอกสามารถตรวจเจอได้จากอะไร?
รวมบทความOctober 12, 2025นวดหน้าอกลดพังผืดได้จริงไหม?
รวมบทความOctober 11, 2025พังผืดทำให้หน้าอกเบี้ยวได้จริงไหม?
รวมบทความOctober 10, 2025พังผืดซิลิโคนเป็นทุกเคสไหม?