ซิลิโคนเสริมหน้าอก สำหรับคุณแม่หลังคลอด
ซิลิโคนเสริมหน้าอก สำหรับคุณแม่หลังคลอด
การตั้งครรภ์และการให้นมบุตรเป็นการเดินทางที่มหัศจรรย์และเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้หญิงอย่างมากมาย นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และบทบาทที่เพิ่มขึ้นแล้ว ร่างกายของคุณแม่ก็ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณทรวงอก ซึ่งอาจมีการขยายขนาดขึ้นอย่างมากในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร และอาจกลับสู่ขนาดเดิมหรือมีขนาดเล็กลง รวมถึงสูญเสียความกระชับหลังจากการให้นมบุตรสิ้นสุดลง
สำหรับคุณแม่หลายๆ ท่าน การเปลี่ยนแปลงของทรวงอกหลังคลอดอาจส่งผลต่อความมั่นใจในรูปร่างและภาพลักษณ์ของตนเอง การศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคุณแม่ที่ต้องการฟื้นฟูรูปร่าง เติมเต็มขนาดที่หายไป และคืนความมั่นใจให้กับตนเอง บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนสำหรับคุณแม่หลังคลอด เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
การเปลี่ยนแปลงของทรวงอกหลังการตั้งครรภ์และการให้นมบุตร
ก่อนที่จะพิจารณาการเสริมหน้าอก สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับทรวงอกในช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอด:
- ขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้น: ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนต่างๆ จะกระตุ้นให้ต่อมน้ำนมและเนื้อเยื่อไขมันในทรวงอกขยายใหญ่ขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตน้ำนม ทำให้ขนาดของทรวงอกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ความหย่อนคล้อย: การขยายขนาดอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจส่งผลให้ผิวหนังและเส้นเอ็นที่รองรับทรวงอก (Cooper’s ligaments) ยืดออก เมื่อการให้นมบุตรสิ้นสุดลงและขนาดของทรวงอกลดลง ผิวหนังที่ยืดออกอาจไม่สามารถหดกลับได้ทั้งหมด ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย
- ปริมาณเนื้อเยื่อที่ลดลง: หลังจากการให้นมบุตร ต่อมน้ำนมอาจมีขนาดเล็กลง และปริมาณเนื้อเยื่อไขมันอาจลดลง ส่งผลให้ทรวงอกมีขนาดเล็กลงกว่าก่อนตั้งครรภ์
- รูปร่างที่เปลี่ยนแปลง: รูปร่างของทรวงอกอาจเปลี่ยนแปลงไป โดยอาจดูแบนราบมากขึ้น หรือมีลักษณะที่ไม่กระชับเหมือนเดิม
- รอยแตกลาย: การขยายขนาดของทรวงอกอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดรอยแตกลายบนผิวหนัง
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ระดับของการเปลี่ยนแปลงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น จำนวนครั้งของการตั้งครรภ์ ระยะเวลาในการให้นมบุตร อายุ และพันธุกรรม
เหตุผลที่คุณแม่หลังคลอดเลือกเสริมหน้าอก
มีหลากหลายเหตุผลที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดตัดสินใจเข้ารับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน:
- ฟื้นฟูขนาดที่หายไป: หลังจากการให้นมบุตรสิ้นสุดลง ทรวงอกอาจมีขนาดเล็กลงกว่าก่อนตั้งครรภ์อย่างมาก การเสริมหน้าอกสามารถช่วยเติมเต็มขนาดที่หายไปและคืนความสมดุลให้กับรูปร่าง
- แก้ไขความหย่อนคล้อย: ในบางกรณี การเสริมหน้าอกเพียงอย่างเดียวอาจช่วยยกกระชับทรวงอกที่หย่อนคล้อยได้เล็กน้อย หากความหย่อนคล้อยมีมาก ศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ทำร่วมกับการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ปรับปรุงรูปร่าง: การเสริมหน้าอกสามารถช่วยปรับปรุงรูปร่างของทรวงอกให้ดูสวยงามและสมส่วนมากขึ้น
- เพิ่มความมั่นใจ: การเปลี่ยนแปลงของทรวงอกหลังคลอดอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในรูปร่าง การเสริมหน้าอกสามารถช่วยให้คุณแม่รู้สึกดีกับรูปร่างของตนเองมากขึ้นและเพิ่มความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าและการใช้ชีวิต
- เป็นส่วนหนึ่งของ “Mommy Makeover”: คุณแม่หลายท่านเลือกที่จะเสริมหน้าอกเป็นส่วนหนึ่งของการทำ “Mommy Makeover” ซึ่งเป็นการผ่าตัดหลายอย่างรวมกันเพื่อแก้ไขการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังการตั้งครรภ์และให้นมบุตร เช่น การดูดไขมัน การผ่าตัดหน้าท้อง และการผ่าตัดอื่นๆ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเสริมหน้าอกหลังคลอด
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเสริมหน้าอกหลังคลอด โดยทั่วไปแล้ว ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คุณแม่รออย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือน หลังจากที่หยุดให้นมบุตรอย่างถาวร เพื่อให้ทรวงอกมีเวลาในการปรับตัวกลับสู่สภาพที่คงที่ การรอในช่วงเวลานี้มีข้อดีดังนี้:
- ขนาดทรวงอกคงที่: หลังจากการหยุดให้นมบุตร ขนาดของทรวงอกจะค่อยๆ ลดลงและเข้าสู่ภาวะคงที่ การผ่าตัดในช่วงที่ทรวงอกยังไม่คงที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- ฮอร์โมนกลับสู่สมดุล: ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะค่อยๆ กลับสู่ภาวะสมดุลหลังจากการตั้งครรภ์และการให้นมบุตร ซึ่งอาจส่งผลต่อการหายของแผลและการตอบสนองของร่างกายต่อซิลิโคน
- เนื้อเยื่อทรวงอกพร้อม: การรอให้เนื้อเยื่อทรวงอกฟื้นตัวเต็มที่หลังจากการให้นมบุตรจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
หากคุณแม่วางแผนที่จะมีบุตรอีกในอนาคต ควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการผ่าตัดเสริมหน้าอกและการให้นมบุตรในอนาคต
ตัวเลือกของซิลิโคนเสริมหน้าอกสำหรับคุณแม่หลังคลอด
สำหรับคุณแม่หลังคลอด มีตัวเลือกของซิลิโคนเสริมหน้าอกที่หลากหลายให้พิจารณา ซึ่งจะคล้ายกับตัวเลือกสำหรับบุคคลทั่วไป แต่ศัลยแพทย์อาจมีคำแนะนำเพิ่มเติมตามลักษณะเฉพาะของทรวงอกหลังคลอด:
- ขนาด: การเลือกขนาดของซิลิโคนจะขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคล สรีระโดยรวม และปริมาณเนื้อเยื่อหน้าอกเดิมที่เหลืออยู่ คุณแม่หลายท่านอาจต้องการเติมเต็มขนาดที่หายไปให้กลับไปใกล้เคียงกับขนาดก่อนตั้งครรภ์ หรืออาจต้องการเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
- รูปทรง: ทั้งซิลิโคนทรงกลมและทรงหยดน้ำสามารถให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติสำหรับคุณแม่หลังคลอด การเลือกรูปทรงจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและลักษณะของทรวงอก
- โปรไฟล์: โปรไฟล์ของซิลิโคน (ความนูน) ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องพิจารณา ศัลยแพทย์จะช่วยแนะนำโปรไฟล์ที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ความโด่งที่ต้องการและสมดุลกับสรีระ
- พื้นผิว: ทั้งซิลิโคนผิวเรียบและผิวทรายเป็นตัวเลือกที่ใช้ได้ดีสำหรับคุณแม่หลังคลอด การเลือกพื้นผิวอาจขึ้นอยู่กับความชอบของศัลยแพทย์และข้อบ่งชี้เฉพาะบุคคล
- ประเภทของเจล: ซิลิโคนเจลแบบเหนียว (Cohesive Gel) เป็นที่นิยมเนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำที่เจลจะไหลออกมาหากเปลือกหุ้มแตก
ในการเลือกซิลิโคนที่เหมาะสม ศัลยแพทย์จะทำการประเมินทรวงอกของคุณแม่อย่างละเอียด รวมถึงความยืดหยุ่นของผิวหนัง ปริมาณเนื้อเยื่อที่เหลืออยู่ และระดับความหย่อนคล้อย เพื่อให้คำแนะนำที่ดีที่สุด
เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกสำหรับคุณแม่หลังคลอด
เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอกสำหรับคุณแม่หลังคลอดจะคล้ายกับเทคนิคทั่วไป แต่ศัลยแพทย์อาจพิจารณาปัจจัยเพิ่มเติม เช่น ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง:
- ตำแหน่งการวางซิลิโคน:
- ใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular): เป็นตำแหน่งที่นิยมสำหรับคุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีเนื้อเยื่อหน้าอกเหลือน้อย เนื่องจากกล้ามเนื้อจะช่วยปกคลุมซิลิโคน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติและอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดพังผืดรัดตัว
- เหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular): อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่ที่มีเนื้อเยื่อหน้าอกเพียงพอที่จะปกคลุมซิลิโคนได้
- Dual Plane: เป็นการวางซิลิโคนบางส่วนไว้ใต้กล้ามเนื้อและบางส่วนไว้เหนือกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณเนินอก
- แนวทางการผ่าตัด (Incision Site): ตัวเลือกของแนวทางการผ่าตัดจะคล้ายกับบุคคลทั่วไป ได้แก่ ใต้ราวนม รอบปานนม และใต้รักแร้ ศัลยแพทย์จะเลือกแนวทางที่เหมาะสมที่สุดตามลักษณะของทรวงอกและความต้องการของผู้ป่วย
หากมีความหย่อนคล้อยของทรวงอกร่วมด้วย ศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ทำ การผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lift) ร่วมกับการเสริมหน้าอก เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยและยกให้ทรวงอกกลับมากระชับได้รูปทรงสวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งอาจต้องมีการลงแผลเพิ่มเติม
สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับคุณแม่หลังคลอด
นอกเหนือจากปัจจัยทั่วไปในการเสริมหน้าอกแล้ว คุณแม่หลังคลอดควรพิจารณาประเด็นเหล่านี้เป็นพิเศษ:
- ความยืดหยุ่นของผิวหนัง: หลังการตั้งครรภ์และการให้นมบุตร ผิวหนังบริเวณทรวงอกอาจสูญเสียความยืดหยุ่นไป การเลือกขนาดของซิลิโคนและการวางแผนการผ่าตัดควรคำนึงถึงความยืดหยุ่นของผิวหนังเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของรอยย่น
- ระดับความหย่อนคล้อย: หากมีความหย่อนคล้อยมาก การเสริมหน้าอกเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่ การทำร่วมกับการยกกระชับหน้าอกอาจจำเป็นเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงาม
- ความคาดหวังที่เป็นจริง: คุณแม่ควรมีความเข้าใจว่าการเสริมหน้าอกสามารถช่วยปรับปรุงขนาดและรูปร่างของทรวงอกได้ แต่ผลลัพธ์อาจไม่เหมือนกับทรวงอกก่อนการตั้งครรภ์เสมอไป การพูดคุยกับศัลยแพทย์เกี่ยวกับความคาดหวังเป็นสิ่งสำคัญ
- การดูแลลูกน้อยหลังผ่าตัด: ช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัดอาจต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ที่มีลูกเล็กที่ยังต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ควรมีผู้ช่วยดูแลในช่วงแรกหลังการผ่าตัด
ผลกระทบต่อการให้นมบุตรในอนาคต
คุณแม่หลายท่านอาจมีความกังวลว่าการเสริมหน้าอกจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการให้นมบุตรในอนาคตหรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการให้นมบุตร หากการผ่าตัดไม่ได้รบกวนต่อมน้ำนมและท่อน้ำนมโดยตรง เทคนิคการผ่าตัดที่วางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular) มักจะมีความเสี่ยงน้อยที่สุดในการกระทบต่อระบบการผลิตน้ำนม
อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาศัลยแพทย์และแจ้งความประสงค์ที่จะมีบุตรอีกในอนาคต เพื่อให้ศัลยแพทย์เลือกเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงในการกระทบต่อการให้นมบุตรในอนาคต
กระบวนการปรึกษาแพทย์สำหรับคุณแม่หลังคลอด
กระบวนการปรึกษาแพทย์สำหรับคุณแม่หลังคลอดจะคล้ายกับบุคคลทั่วไป แต่คุณแม่ควรแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติการตั้งครรภ์ การให้นมบุตร และความกังวลเกี่ยวกับการให้นมบุตรในอนาคต เพื่อให้ศัลยแพทย์สามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด
การเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดสำหรับคุณแม่หลังคลอด
การเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัดสำหรับคุณแม่หลังคลอดจะคล้ายกับบุคคลทั่วไป แต่คุณแม่อาจต้องมีการวางแผนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลลูกน้อยในช่วงพักฟื้น ควรมีผู้ช่วยดูแลเด็กอย่างเพียงพอในช่วงแรกหลังการผ่าตัด เพื่อให้คุณแม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นสำหรับคุณแม่หลังคลอด
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นสำหรับการเสริมหน้าอกในคุณแม่หลังคลอดจะคล้ายกับบุคคลทั่วไป แต่ควรตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังการตั้งครรภ์อาจมีผลต่อการหายของแผลและการตอบสนองต่อการผ่าตัด ควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การเลือกศัลยแพทย์ที่เหมาะสมสำหรับคุณแม่หลังคลอด
การเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการเสริมหน้าอกในคุณแม่หลังคลอดและเข้าใจถึงความต้องการเฉพาะของกลุ่มนี้เป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสรีระและความต้องการของคุณแม่แต่ละท่านได้
ผลกระทบทางจิตใจสำหรับคุณแม่หลังคลอด
การเสริมหน้าอกสามารถช่วยให้คุณแม่หลังคลอดรู้สึกดีขึ้นกับรูปร่างของตนเองและเพิ่มความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องมีทัศนคติที่เป็นบวกและมีความคาดหวังที่เป็นจริง การพูดคุยกับศัลยแพทย์เกี่ยวกับเป้าหมายและความคาดหวังจะช่วยให้คุณแม่ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและมีความสุขกับรูปร่างใหม่ของตนเอง
การทำ “Mommy Makeover”
คุณแม่หลายท่านเลือกที่จะทำ “Mommy Makeover” ซึ่งเป็นการผ่าตัดหลายอย่างรวมกันเพื่อแก้ไขการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลังการตั้งครรภ์และให้นมบุตร โดยทั่วไปแล้ว “Mommy Makeover” อาจรวมถึง:
- การเสริมหน้าอก (Breast Augmentation): เพื่อเพิ่มขนาดและปรับปรุงรูปร่างของทรวงอก
- การยกกระชับหน้าอก (Breast Lift): เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยของทรวงอก
- การผ่าตัดหน้าท้อง (Tummy Tuck หรือ Abdominoplasty): เพื่อกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้องและกำจัดผิวหนังส่วนเกิน
- การดูดไขมัน (Liposuction): เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย
การทำ “Mommy Makeover” สามารถช่วยให้คุณแม่ฟื้นฟูรูปร่างหลังคลอดได้อย่างครอบคลุมและอาจช่วยลดระยะเวลาในการพักฟื้นโดยรวมหากทำพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมินว่าการทำ “Mommy Makeover” เหมาะสมกับคุณหรือไม่
สรุป
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการฟื้นฟูรูปร่าง เติมเต็มขนาดที่หายไป และคืนความมั่นใจให้กับตนเอง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของทรวงอกหลังคลอด ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการผ่าตัด ตัวเลือกของซิลิโคน เทคนิคการผ่าตัด สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ ผลกระทบต่อการให้นมบุตรในอนาคต และการเลือกศัลยแพทย์ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณแม่สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การพูดคุยและปรึกษากับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมกับความต้องการและสรีระของคุณแม่แต่ละท่าน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และตรงตามความคาดหวัง
ช่องทางการติดต่อ Silimed Thailand
1. เว็บไซต์: https://www.siliconesilimed.com/ * มีข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคน Silimed รุ่นต่างๆ
* มีรายชื่อตรวจสอบและคลินิกที่ใช้ซิลิโคน Silimed * สามารถใช้แบบฟอร์มเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
2. Facebook: SILIMED.Thailand หรือ https://www.siliconesilimed.com/ติดตามโปรโมชั่น ข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ * สอบถามข้อมูลผ่านทาง Messenger
3. Line Official Account: @silimedthailand * แอดไลน์เพื่อสอบถามข้อมูล ปรึกษาฟรี
4. โทรศัพท์: 064 587 6954
#เสริมหน้าอกหลังคลอด #ซิลิโคนเสริมหน้าอก #คุณแม่หลังคลอด #ศัลยกรรมหน้าอก #คืนความมั่นใจ #mommy makeover #บิวตี้ #ศัลยกรรมความงาม #รีวิวเสริมหน้าอก #ซิลิโคน #ทรงกลม #ทรงหยดน้ำ #ใต้กล้ามเนื้อ #เหนือกล้ามเนื้อ #คลินิกเสริมหน้าอก #โรงพยาบาลเสริมหน้าอก #ศัลยแพทย์ #BreastAugmentationAfterPregnancy #PostpartumBreastAugmentation #BreastImplantsForMoms #ConfidenceBoost #MommyMakeoverThailand #BeautyAfterBaby #PlasticSurgeryForMoms #RoundImplants #TeardropImplants #SubmuscularPlacement
Author Profile
Latest entries
รวมบทความNovember 12, 2025พังผืดหน้าอกทำให้ทรงเบี้ยวหรือไม่?
รวมบทความNovember 11, 2025พังผืดซิลิโคนสามารถลดลงได้เองตามธรรมชาติไหม?
รวมบทความNovember 10, 2025พังผืดหน้าอกดูแลตัวเองยังไงไม่ให้ลุกลาม
รวมบทความNovember 9, 2025พังผืดหน้าอกจับแล้วรู้สึกเป็นก้อน ต้องทำอย่างไร?